ใครกำลังมองหาข้อมูลที่ช่วยการเจาะลึกความเหมือนและความต่างของประกันรถยนต์ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2+ อยู่ บอกเลยว่ามาถูกทางแล้ว เพราะบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลพร้อมการเจาะลึกความเหมือนและความต่างของประกันรถยนต์ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2+ มาฝากกัน รับรองว่าอ่านแล้วเก็ท สามารถนำไปปรับใช้ และเลือกซื้อประกันที่ตนเองชอบได้เลย ซึ่งความเหมือนและความต่างของประกันรถยนต์ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2+ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย

เจาะลึกความเหมือนและความต่างของประกันรถยนต์ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2+

มาเริ่มกันที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กันเลย ประกันชั้น 1 ยอดนิยมที่หลาย ๆ คน ยอมจ่ายเบี้ยในราคาสูงต่อปี นั่นก็เป็นเพราะว่า ประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับยานพาหนะของทั้งสองฝ่าย หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด โดยความคุ้มครองคร่าวๆ ดังนี้ ความบาดเจ็บ ความเสียหายต่อตัวรถ การถูกโจรกรรม ความเสียหายจากธรรมชาติเช่นไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลากจูงรถอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นประกันที่ครอบคลุมมากที่สุด ข้อดี  ให้การคุ้มครองมากที่สุด (ทุกกรณี) รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเราและทรัพย์สิน ชีวิตและร่างกายของคู่กรณี (หากเราเป็นฝ่ายผิด) รวมไปถึงกรณีรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ อีกทั้งยังครอบคลุมค่าเสียหายของตัวรถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุทุกรูปแบบด้วย ข้อเสีย ราคาเบี้ยจ่ายต่อปีสูง

อย่ารอช้าต่อกันที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เลย ประกันนี้ให้ความคุ้มครองแทบจะไม่ต่างกับประกันรถยนต์ ชั้น 1 ซึ่งใครที่มองหาประกันเืพ่อเพื่อคุ้มครองอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เพื่อใช้สำหรับการคุ้มครองในกรณีที่ต้องเคลมหนัก ๆ แต่จะต้องเป็นแบบที่มีคู่กรณีที่เป็นรถเท่านั้น  ซึ่งไม่เหมือนกับประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ใครที่มีประวัติขับรถที่ดี และเสี่ยงต่อการเจออุบัติเหตุบนท้องถนน ประกันชั้น 2+ เหมาะแน่นอนค่ะ ข้อดี  รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประกันชั้น 1  แต่จ่ายเบี้ยต่อปีถูกกว่า บวกรับผิดชอบกับรถยนต์ของเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ชนกับอย่างอื่นไม่ได้) เช่น ชนต้นไม้ ชนข้างทาง รถเข็นผัก และอื่น ๆ ที่ไม่ใช้พาหนะบนท้องถนน  ข้อเสีย ไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี (หากว่าเป็นกรณีที่ชนแล้วหนี จะต้องแนบหลักฐานเพิ่มเติมจึงจะเคลมได้)

และนี่คือการเจาะลึกความเหมือนและความต่างของประกันรถยนต์ระหว่างชั้น 1 และชั้น 2+ที่เรานำมาฝากกันในบทความนี้นั่นเอง อ่านแล้วเพื่อนๆ คงจะตัดสินใจซื้อประกันในรูปแบบที่ตัวแฮปปี้ได้แล้วนะ